Friday, October 12, 2018

ผีกลัวพระห้อยคอเราจริงหรือ???

เคยคิดกันบ้างมั้ยครับว่าพระที่ห้อยคอเรากันอยู่นี้จะป้องกันผีไม่ให้มาหลอกเราได้  เริ่มสงสัยกันแล้วใช่มั้ยล่ะครับ
คนไทยเรานั้นมักจะหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น พระพุทธรูปประจำบ้าน เวลาออกไปข้างนอกก็ต้องมีพระเครื่องห้อยคอกันเพื่อความสบายใจว่าบรรดาพระทั้งหลายที่เราได้เลือกมาเองกับมือได้มาคุ้มครองเราเรียบร้อยแล้ว แต่อย่าเพิ่งมั่นใจนักนะครับว่าพระที่เราห้อยคออยู่นั้นจะช่วยป้องกันผีได้
อ้าว....แล้วกัน แบบนี้จะใส่กันไปทำไม เดี๋ยวก่อนครับอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ผมจะช่วยขยายความเกี่ยวกับเรื่องผีๆที่ไม่กลัวพระมาให้อ่านกัน
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผมที่เคยไปวัดด้วยกันมา เธอโดนผีเข้าสิงครับ แล้วไม่ได้เข้าที่ไหนก็ในวัดนั่นแหล่ะ ตอนแรกๆที่เข้าสิงเธอ ผมกับเพื่อนอีกหลายคนก็ไม่มีใครรู้สึกหรอกครับ แต่พอบ่อยๆเข้าอาการของเธอก็แปลกๆไป เธอเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ก้มหน้าก้มตา เก็บตัวเงียบ ถามคำตอบคำ น้ำเสียงก็เปลี่ยนไป บางทีก็คุยปกติแต่อยู่ก็เงียบ ตัวสั่นสักพักก็หยุด เป็นแบบนี้หลายๆครั้งเข้า พวกผมเห็นท่าจะไม่ดีเลยคุยกันว่าจะพาเธอไปหาพระที่รู้วิถีไล่ผี เออ ลืมบอกไป ช่วงที่เธอเป็นหนักๆถึงขนาดเดินไปให้รถชนก็มี ผีตัวนี้กะเอาตายเลย ดีนะที่พวกผมช่วยไว้ทัน เลยพาตัวมาหาพระอาจารย์ (ขอไม่เอ่ยชื่อนะครับ) 
พระอาจารย์ก็อยู่ในวัดเดียวกันนั่นแหล่ะครับ พอพาไปหาท่าน อาการของเธอก็เป็นปกติดี สนทนากันแบบสนุกสนาน แต่ก็บอกท่านไว้แล้วว่าเธอโดนผีเข้าสิงนะครับ ท่านก็ เออๆเดี๋ยวข้าขอคุยกันก่อน คราวนี้พอคุยๆกันไปๆมาๆ อาการเริ่มออกและ อยู่ๆก็นิ่งเงียบ น้ำตาเธอไหลพราก ร้องไห้ฟูมฟาย พูดจาวกไปวนมาฟังไม่รู้เรื่อง สักครู่ก็นิ่งไปอีก พอเริ่มพูดเสียงเปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชาย พระอาจารย์เลยเริ่มถามว่าเป็นใครมาจากไหน ต้องการอะไร ผีก็เริ่มพูดออกมาว่า ข้าเป็นผัวมัน ข้าต้องการเอาเมียข้าไปอยู่ด้วย ข้าสัญญากับมันว่าข้าจะไม่ไปไหน แต่ข้าดันมาตายไปก่อน พระอาจารย์เลยถามว่า แล้วทำไมเจ้าต้องมาเข้าสิงเมียเก่าเจ้าด้วย เจ้าก็ตายไปแล้วทำไมไม่ไปเกิดใหม่ ผีบอกว่าข้าไม่อยากไป ข้าจะอยู่กับเมียข้าจะพามันไปอยู่ด้วย พระอาจารย์ก็ถามต่อว่า เจ้าเป็นอะไรถึงตาย ผีบอกว่า ข้าขับรถคว่ำไปชนต้นไม้ ส่วนน้องชายข้าที่นั่งไปด้วยก็ตายพร้อมๆกัน 
พระอาจารย์ก็ถามว่า แล้วน้องเจ้าล่ะไปไหน ในเมื่อตายพร้อมกันจึงไม่อยู่ข้างๆเจ้าล่ะ ผีบอกว่า ข้าเห็นน้องชายไปทางมืด ไปแล้วก็ไม่เห็นกลับออกมา แต่ข้าพอตายแล้วจิตมันมาเกาะอยู่ที่เมีย ข้าไม่รู้จะไปไหนก็เลยอาศัยร่างเมียเป็นที่อยู่ พระอาจารย์เลยถามว่า แล้วเจ้าสามารถไปอยู่ตามตู้หรือสิ่งของอย่างอื่นได้มั้ยทำไมต้องมาอยู่ในร่างคน ผีบอกว่าได้เหมือนกันจะเข้าไปอยู่ในตุ๊กตา ปากกา เสื้อผ้ารองเท้า อะไรก็ได้หมด แต่เวลาเมียข้าออกไปข้างนอก ข้าไม่อยากรอว่าเมียจะกลับเมื่อไหร่เพราะข้ารู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน ( เวลาของผีกับของคนต่างกันมากนะครับเพราะเวลาของผีไม่มีพระอาทิตย์บอกกลางวันหรือกลางคืนเหมือนเมืองมนุษย์ ) 
พอนางไปแล้วก็ไม่รู้เวลาที่แน่นอนจึงได้ติดตามนางไปทุกที่ แต่ก็มีบางสถานที่ ที่ข้าไม่อาจเข้าไปกับนางได้ เพราะมีพลังงานบางอย่างกั้นไว้ไม่ให้ตามเข้าไป ข้าจึงต้องยืนรออยู่ข้างนอกซึ่งมันทรมานเหลือเกิน ข้าจึงตัดสินใจเข้าสิงนางง่ายกว่าจะได้ไปกับนางได้ทุกที่ พระอาจารย์ถามต่อว่า ถ้าเอานางไปอยู่ด้วยคือเจ้าฆ่านางแล้ว เกิดว่านางไปทางมืดแบบน้องชายเจ้าล่ะ จะทำยังไง คราวนี้ผี งง ครับ อ้ำๆอึ้งๆ ผีมันก็แถไปว่าไม่รู้ล่ะข้ารักของข้า ข้าไม่สนใจ พระอาจารย์เลยใช้อุบายว่า เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ เจ้าผี เจ้าเข้าไปอยู่ในพระที่ห้อยคอนางได้มั้ยล่ะ เจ้าจะได้ไปกับนางได้ทุกที่ไง แล้วเจ้าจะได้ไม่ต้องฆ่านางด้วย เจ้าผีเจออุบายนี้ก็ตอบตกลงทันที ยอมเข้าไปสิง
อยู่ในพระที่ห้อยคอนาง สักพักเธอก็รู้สึกตัว แบบ งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนเลยมาเล่าให้ฟังทีหลัง นางก็ตกใจว่าอะไรนะผีทำไมไม่กลัวพระเลยล่ะแถมมาอยู่ในพระที่ห้อยคอได้ด้วย
พระอาจารย์อธิบายให้ทุกๆคนได้เข้าใจว่า จริงๆแล้วผีไม่ได้กลัวพระพุทธรูปอะไรนั่นหรอกนะ แต่ผีเกรงกลัวคุณความดีที่บุคคลนั้นๆเคยกระทำไว้ก่อนตายมากกว่า ดังเช่น เสด็จพ่อ ร.5 ในหลวง ร.9 พระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี หรือพระเกจิดังๆ แต่ต้องเป็นที่รู้จักของผีตนๆนั้นด้วยนะ ถ้าผีมันเกิดมาก่อนหน้านั้นมันไม่รู้จักมันก็ไม่เกรงกลัวบารมีนะจะบอกให้ 
เราก็มีวิธีแก้อีก เช่น ถามผีว่าแกเกิดยุคไหน เราก็พอเดาๆได้ว่าต้องรู้จักพระองค์นั้นองค์นี้ เราก็อ้างไปพอมันรู้จักมันจึงเกิดการเคารพยำเกรง นี่มันเป็นแบบนี้
เพราะฉะนั้น เราๆท่านๆที่แขวนพระห้อยคอกันอยู่ก็ไม่ต้องถอดทิ้งกันนะครับ แค่เราหมั่นรักษาศีล เจริญปัญญา บริจาคทาน แค่นี้ผีก็ไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายแล้วครับ เพราะ ทาน ศีล ปัญญา เป็นเกราะป้องกันอย่างดีแต่ที่แขวนพระไว้ที่คอก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้หมั่นระลึกถึงคุณความดีที่พระแต่ละท่านเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อเป็นเนื้อนาบุญให้เราๆท่านๆได้สะสมบุญบารมีและสีบทอดพุทธศาสนากันต่อไป

คนเราเกิดมาหมั่นทำดี ไม่ประมาทในชาติเกิด พบพุทธศาสนานับว่าโชคดีสุดๆ ดังนั้นควรประกอบกิจที่ตนพึงกระทำได้ให้มากที่สุดตราบชีวิตจะหาไม่นะครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านหวังว่าจะเกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ ฉบับนี้ลาไปก่อนครับ

5 comments:

  1. เยี่ยมมากเลยค่ะ อ่านเข้าใจง่าย และสนุกด้วยค่ะ ติดตามต่อไปเลยค่ะ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณครับที่ติดตามอ่าน

    ReplyDelete
  3. เรื่องเล่าหรือเปล่าครับ

    ReplyDelete
  4. ผมว่าคุณโม้มากกว่า หรือไม่ก็เรื่องเล่า เอาง่ายๆ แค่บอกว่าแขวนพระเพื่อเตือนสติ ตัวเองมิให้ทำบาปก็พอแล้ว ผีอะไรตายก่อนพระจะสร้าง แล้วไม่รู้จักเลยไม่กลัว ไม่มีหรอกครับ ไปเล่าให้เด็กประถมฟังมันยังหัวเราะเลย ดีไม่ดีเด็กมันด่าให้อีก ผมถามหน่อย ถ้าแขวนพระอายุ 700 ปี ผีมันยังไม่เกิดเลย แล้วจะให้ผีตัวนั้นกลัว จะต้องแขวนพระที่มีอายุใกล้เคียงกับผีหรือไง บ้าหรือเปล่า มั่วตลอด...งมงายไร้สาระ การที่คุณทำแบบนี้ คุณรู้ไหมว่ามันบาป โกหกหลอกลวง ระวัง กรรมมันจะตามมา ไม่วันนี้ก็วันหน้า ระวังไว้เถิด..

    ReplyDelete